EC Academy > Foundation > โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์: กลไกการทำงาน

โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์: กลไกการทำงาน

ตลาดฟอเร็กซ์ หรือที่เรียกว่าตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายหมุนเวียนต่อวันมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตลาดขนาดมหึมานี้มีโครงสร้างอย่างไร? บทความนี้จะอธิบายโครงสร้างของตลาดฟอเร็กซ์ บทบาทสำคัญของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคาร และอธิบายว่าคำสั่งซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร มีกี่ประเภท และแต่ละประเภททำงานร่วมกันในระบบนี้อย่างไร มาดูกันเลย!

โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์ ปริมาณการซื้อขายทั่วโลกตามศูนย์การเงินหลัก เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก และโตเกียว

โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์คืออะไร?

หากคุณเคยได้ยินคำว่า “โครงสร้างตลาด” ในฟอเร็กซ์ คำนี้หมายถึงการจัดระเบียบของกิจกรรมการซื้อขายระหว่างผู้เข้าร่วมหลากหลายประเภทในตลาด หมายความว่าอย่างไร? ลองดูตลาดหุ้นเป็นตัวอย่าง ตลาดหุ้นโดยทั่วไปจะดำเนินการผ่านตลาดกลางแบบรวมศูนย์ เช่น NYSE ในทางตรงกันข้าม โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์เป็นแบบกระจายศูนย์ ซึ่งหมายความว่าไม่มีสถานที่หรือศูนย์กลางเดียวที่เป็นตลาดสำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์ทั้งหมด

แล้วตลาดการเงินขนาดใหญ่เช่นนี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร? มาดูกัน:

ตลาดโลกทำงานแบบลำดับชั้น โดยที่ระดับบนสุดคือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคาร ซึ่งผู้เล่นรายใหญ่ เช่น ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ทำการซื้อขายเงินตราต่างประเทศในปริมาณมาก ระดับถัดมาคือโบรกเกอร์และนักเทรดรายย่อยที่ได้รับสภาพคล่องจากชั้นบน โครงสร้างแบบหลายชั้นนี้ทำให้ตลาดฟอเร็กซ์สามารถเปิดทำการได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วทุกเขตเวลา สร้างโอกาสให้ซื้อขายสกุลเงินได้อย่างต่อเนื่อง

โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์: ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคาร

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคารเป็นเสมือน “กระดูกสันหลัง” ของโครงสร้างฟอเร็กซ์ทั้งหมด ตลาดนี้คือที่ที่ธนาคารรายใหญ่และสถาบันการเงินทำธุรกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำในนามของลูกค้าหรือเพื่อตัวเอง โดยทั่วไปธุรกรรมเหล่านี้มีมูลค่าหลายล้านถึงหลายพันล้านดอลลาร์ ราคาที่เกิดขึ้นในตลาดนี้มักกลายเป็นมาตรฐานอ้างอิงสำหรับชั้นอื่น ๆ ของโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์ จึงเรียกได้ว่าเป็น “กระดูกสันหลัง” ของตลาด ราคานี้มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนที่คุณเห็นในแพลตฟอร์มเทรดของคุณ ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญสำหรับนักเทรดรายย่อย? เพราะธุรกรรมระดับล้านหรือพันล้านดอลลาร์ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคารมีผลต่อทุกอย่างตั้งแต่สเปรดไปจนถึงความเร็วในการดำเนินคำสั่งซื้อขายของคุณ

ทำความเข้าใจคำสั่งฟอเร็กซ์: คำสั่งขาย

มาทำความเข้าใจกับคำสั่งที่นักเทรดใช้ในการซื้อขายในตลาด นั่นคือ “คำสั่งฟอเร็กซ์” เมื่อต้องการเปิดคำสั่งขาย นักเทรดมักใช้เพื่อปิดสถานะ หรือสร้างเงื่อนไขอัตโนมัติเพื่อจัดการความเสี่ยง การเข้าใจว่าคำสั่งขายในฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายอย่างถูกต้อง มาลองดูรายละเอียดกัน

คำสั่งขายฟอเร็กซ์และคำสั่งฟอเร็กซ์

ภาพอินโฟกราฟิกโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์ แสดงประเภทของคำสั่งซื้อขาย เช่น คำสั่งตลาด คำสั่งจำกัด คำสั่งหยุดขาดทุน และคำสั่งทำกำไร

1. คำสั่งตลาด (Market Orders)

คำสั่งตลาด เป็นคำสั่งฟอเร็กซ์ที่ง่ายที่สุด เพราะเป็นการสั่งให้โบรกเกอร์ของคุณซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน ทันทีที่ราคาที่ดีที่สุดในขณะนั้น คล้ายกับการเดินเข้าร้านแล้วซื้อสินค้าทันที ง่ายและตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะใช้งานง่าย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของตลาด ดังนั้นการเรียนรู้คำสั่งตลาดและการทำงานของมันจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของการเทรด

2. คำสั่งจำกัด (Limit Orders)

ด้วยคำสั่งจำกัด คุณสามารถควบคุมการซื้อขายได้มากขึ้น คำสั่งจำกัดคือการบอกว่า “ฉันต้องการซื้อหรือขาย แต่เฉพาะเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้เท่านั้น” ตัวอย่างเช่น หาก EUR/USD อยู่ที่ 1.2150 และคุณเชื่อว่าราคาจะลดลงก่อนจะกลับขึ้นอีกครั้ง คุณอาจตั้งคำสั่งซื้อจำกัดไว้ที่ 1.2100 ใครจะไม่อยากเข้าเทรดที่ราคาดีกว่าล่ะ?

3. คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss Orders)

คำสั่งหยุดขาดทุนเป็นหนึ่งในประเภทของคำสั่งขายในฟอเร็กซ์ ซึ่งเปรียบเสมือนตาข่ายนิรภัย คำสั่งนี้จะถูกกระตุ้นเมื่อราคาขยับสวนทางกับสถานะของคุณ เพื่อช่วยจำกัดการขาดทุน ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อ EUR/USD ที่ 1.2200 และยอมรับความเสี่ยงได้ 50 จุด คุณจะตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ 1.2150 เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด!

4. คำสั่งทำกำไร (Take Profit Orders)

ในทางตรงกันข้าม คำสั่งทำกำไรเป็นอีกประเภทหนึ่งของคำสั่งขายฟอเร็กซ์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเก็บกำไรโดยอัตโนมัติ สมมติว่า EUR/USD จะขึ้นไปถึง 1.2300 คุณสามารถตั้งคำสั่งทำกำไรไว้ที่ระดับนั้น เมื่อราคาถึงเป้าหมาย การเทรดของคุณจะปิดโดยอัตโนมัติและกำไรจะถูกล็อกไว้!

โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์: ราคาขยับได้อย่างไร

หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณเข้าใจแล้วเกี่ยวกับประเภทต่าง ๆ ของคำสั่งซื้อและขายในฟอเร็กซ์! แต่คุณอาจสงสัยว่า คำสั่งเหล่านี้มีผลต่อและเชื่อมโยงกับตลาดอย่างไร?

มาลองแยกดูเป็นข้อ ๆ:

1) นักเทรดรายย่อยเช่นคุณและฉัน ส่งคำสั่งผ่านแพลตฟอร์มเทรดต่าง ๆ

2) โบรกเกอร์ ทำหน้าที่รับคำสั่งและจับคู่ หรือส่งต่อคำสั่งเหล่านั้นไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่อง

3) ผู้ให้บริการสภาพคล่อง เช่น ธนาคารเพื่อการลงทุน หรือกองทุนเฮดจ์ พวกเขารับคำสั่งเหล่านี้และให้ราคาพร้อมการดำเนินการจริง

4) ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคาร คำสั่งฟอเร็กซ์ที่มีปริมาณมากอาจไหลเข้าสู่ตลาดนี้โดยตรง


ดังนั้น ทุกคำสั่งฟอเร็กซ์ที่คุณส่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบขนาดใหญ่ การเข้าใจว่าคำสั่งของคุณอยู่ในส่วนใดของระบบนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องสลิปเพจ การเปลี่ยนแปลงของสเปรด และความล่าช้าในการดำเนินคำสั่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักเทรดมือใหม่มักไม่รู้. 

โบรกเกอร์หลัก (Prime Brokers) ในโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์

อะไรคือโบรกเกอร์หลัก และพวกเขามีบทบาทอย่างไรในโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์? โบรกเกอร์หลักเป็นตัวกลาง โดยเฉพาะสำหรับกองทุนเฮดจ์ นักเทรดมืออาชีพ และลูกค้าที่มีปริมาณการซื้อขายสูง พวกเขาให้ลูกค้าเข้าถึงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคารผ่านผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายราย แทนที่จะต้องติดต่อกับธนาคารหลายแห่งโดยตรง ลูกค้ารายใหญ่สามารถเข้าถึงทุกแห่งได้ผ่านโบรกเกอร์หลัก โครงสร้างนี้ช่วยให้ประสบการณ์เทรดง่ายขึ้น เหมือนกับการมีบัตร VIP ที่เข้าถึงทุกระดับของตลาดฟอเร็กซ์ นอกจากนี้ โบรกเกอร์หลักยังให้บริการเสริมที่มีคุณค่า เช่น รายงานและเครื่องมือจัดการความเสี่ยง กล่าวโดยสรุป โบรกเกอร์หลักทำให้การเข้าถึงสภาพคล่องและการจัดการการเทรดของลูกค้ารายใหญ่สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์?

โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และปัจจัยทางเทคนิค เช่น: 

  • นโยบายของธนาคารกลาง: การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลต่อความต้องการสกุลเงินได้อย่างรวดเร็ว 
  • ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ: อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตของ GDP และตัวเลขการจ้างงานมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน 
  • ปัจจัยทางการเมือง: สงครามการค้า การเลือกตั้ง หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถเปลี่ยนความแข็งแกร่งของสกุลเงินได้ 
  • อารมณ์ตลาด: ข่าวสารทั่วโลกหรือแม้แต่จิตวิทยาการเทรดสามารถส่งผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของผู้ซื้อและผู้ขาย 

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในการไหลของคำสั่งและความผันผวนของราคา. 

เหตุใดโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์จึงมีความสำคัญ

การเข้าใจหลักการของโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจผลกระทบในโลกจริงของการวางคำสั่งซื้อขาย ซึ่งรวมถึง:

1) การบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น: การรู้ว่าเมื่อไรควรตั้งจุดหยุดขาดทุนหรือคำสั่งจำกัด อาจเป็นสิ่งที่กำหนดความแตกต่างระหว่างการเทรดที่กำไรกับการขาดทุน. 

2) การจัดการเวลาที่ชาญฉลาดขึ้น: การรู้ว่าช่วงเวลาใดตลาดระหว่างธนาคารมีสภาพคล่องสูงสุด จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดเคลื่อนไหวมากที่สุด. 

3) กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น: เมื่อคุณเข้าใจว่าคำสั่งซื้อและขายในฟอเร็กซ์ถูกดำเนินการอย่างไร คุณสามารถสร้างกลยุทธ์เฉพาะที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน. 

โดยรวมแล้ว การเข้าใจโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในตลาดที่มีการแข่งขันสูง! 

สรุปโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์

ในตอนแรก โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์อาจดูซับซ้อน แต่เมื่อคุณเข้าใจว่าทุกชั้นเชื่อมโยงกันอย่างไร ตั้งแต่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคารไปจนถึงแพลตฟอร์มเทรดของคุณ คุณจะสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูลและเป็นกลยุทธ์มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นความแตกต่างระหว่างกำไรและขาดทุน จำไว้ว่าตลาดการเงินไม่ได้เคลื่อนไหวแบบสุ่ม มีตรรกะที่อยู่เบื้องหลังการประมวลผลคำสั่งซื้อขายฟอเร็กซ์และการเคลื่อนไหวของราคาทุกวัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์ (FAQ)

อินโฟกราฟิกสรุปโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์ ครอบคลุมลำดับชั้นของตลาด ประเภทคำสั่ง และข้อมูลสำคัญของการเทรด

1. โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์คืออะไร?

คือระบบการจัดระเบียบของตลาดเงินตราต่างประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ธนาคารรายใหญ่ในตลาดระหว่างธนาคารจนถึงนักเทรดรายย่อย.

2. ทำไมตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคารจึงสำคัญ?

เพราะเป็นปัจจัยหลักในการทำความเข้าใจว่าระดับสภาพคล่องที่สูงหรือต่ำมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างไร แม้ว่าคุณจะใช้โบรกเกอร์รายย่อยก็ตาม. 

3. ความแตกต่างระหว่างคำสั่งจำกัดกับคำสั่งหยุดขาดทุนคืออะไร?

คำสั่งจำกัดจะตั้งราคาที่คุณต้องการเข้าเทรดเพื่อทำกำไร ในขณะที่คำสั่งหยุดขาดทุนจะช่วยจำกัดการขาดทุนเมื่อราคาตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ.

4. คำสั่งฟอเร็กซ์ไหลผ่านตลาดอย่างไร?

คำสั่งฟอเร็กซ์เริ่มจากนักเทรดรายย่อยส่งไปยังโบรกเกอร์ จากนั้นโบรกเกอร์จะจับคู่คำสั่งหรือส่งต่อไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องหรือตลาดระหว่างธนาคาร โครงสร้างนี้ช่วยให้คำสั่งซื้อขายของนักเทรดไปถึงคู่สัญญาที่เหมาะสม เพื่อคงไว้ซึ่งสภาพคล่องและความเสถียรของราคาในตลาด.

5. คำสั่งขายในฟอเร็กซ์คืออะไร?

คำสั่งขายที่นักเทรดส่งคือคำสั่งให้ขายคู่สกุลเงินที่ราคากำหนดหรือราคาตลาด เป็นส่วนสำคัญของกระแสคำสั่งฟอเร็กซ์ ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรจากแนวโน้มราคาลดลงได้.

6. ผู้เล่นหลักในโครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์คือใคร?

ผู้เล่นหลักประกอบด้วย ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ กองทุนเฮดจ์ โบรกเกอร์ และนักเทรดรายย่อย โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์มีลำดับชั้น โดยตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างธนาคารอยู่ในระดับบนสุด ตามมาด้วยระดับสถาบันและนักเทรดรายย่อย.

7. ทำไมตลาดฟอเร็กซ์ถึงเป็นตลาดแบบกระจายศูนย์?

เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ไม่มีตลาดกลางแบบรวมศูนย์ การซื้อขายฟอเร็กซ์ดำเนินการผ่านระบบ OTC (Over-the-Counter) ระหว่างธนาคารและโบรกเกอร์หลายแห่ง ทำให้ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดแบบกระจายศูนย์โดยธรรมชาติ. 

ขอแสดงความยินดีที่คุณอ่านมาถึงตอนท้ายของบทความ! ไม่ว่าคุณจะใช้คำสั่งหยุดขาดทุนเพื่อบริหารความเสี่ยง หรือใช้คำสั่งจำกัดเพื่อหาจุดเข้าเทรดที่เหมาะสม ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้คุณควบคุมเส้นทางการเทรดของคุณได้ดียิ่งขึ้น และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น! หากคุณพบว่าบทความนี้มีประโยชน์ และต้องการเพิ่มพูนความรู้ด้านการเทรดของคุณ โปรดอ่านต่อที่EC Markets Academy ซึ่งเราจะพาคุณจากมือใหม่ไปสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพในเวลาไม่นาน!